นายกสมาคมค้าทองคำ แนะนักลงทุนทองจับตาปัจจัยแวดล้อมที่หนุนราคาทองอย่างใกล้ชิด
เว็บไซต์ Inn รายงานว่า นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำโลก และราคาทองคำไทย หลังราคาทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยมาจากนักลงทุนยังมีความกังวลในประเด็นสงครามการค้าและการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ต้องจับตาการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของสหรัฐฯในวันที่ 2 เมษายนอย่างใกล้ชิด
“มองว่าคงเป็นขาขึ้น ยังคิดว่าคงขึ้นต่อได้ ก็ดูวันที่ 2 เมษายนนี้ มาตรการทรัมป์ ปรับขึ้นภาษีคงจะดูอีกที โอกาสอาจจะขยับขึ้นไปได้ยังคงมี” นายจิตติ กล่าว
ดังนั้น เมื่อแนวโน้มราคาทองเป็นขาขึ้น เป้าหมายต่อไปของราคาทองโลกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 53,000-54,000 บาทต่อบาททองคำ
“มองว่าปลายปี ปีนี้อาจจะเห็น 3,400 เหรียญ ก็ตอนนี้ยังแค่ 3,085 เหรียญ ก็มองในระยะยาวก็ยังลงทุนได้ แต่อยู่ที่จังหวะช่วงๆ บางช่วงอาจจะมีการสวิงบ้าง แต่ถ้าจังหวะมีเบาลงมาหน่อยก็ค่อยเก็บ มองว่าถ้าไป 3,400 เหรียญ ก็เหลืออีก 300 กว่าเหรียญ ก็น่าจะ 53,000 หรือ 54,000 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ อัตราแลกเปลี่ยนด้วย” นายจิตติ กล่าว
นายจิตติ ระบุ นักลงทุนยังสามารถไล่ซื้อทองคำได้ เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวที่ยังพอค่อยๆ เก็บได้ หากย่อลงมา เพราะลงทีละสเต็ป อย่างที่ว่าย่อลงมา ก็ค่อยๆ ทยอยเก็บได้ ถ้าบางทีขึ้นมาเยอะๆ ขึ้นมาแรงๆ ก็อาจจะแบ่งทำกำไรบ้าง แล้วรอจังหวะย่อลงมาค่อยซื้อกลับ ใช่ว่าจะพุ่งตลอด บางครั้งก็ลงมาปรับฐานบ้าง แล้วก็จะขยับไป แต่เที่ยวนี้ปรับฐานลงมานิดเดียวแล้วก็ขยับขึ้นต่อ ขึ้นมาค่อนข้างแรง แต่มองในระยะยาวยังไงก็ขึ้น แล้วก็ต้องคอยติดตามข่าวว่า นโยบายสงครามการค้าอย่างทรัมป์พูดแล้วเปลี่ยนแปลงเร็ว ก็ต้องมาประกอบการพิจารณาด้วย
จากนี้ต่อไป จะต้องจับตาปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อราคาทองอย่างใกล้ชิด เพราะทุกปัจจัย ทุกการขับเคลื่อน ย่อมเชื่อมโยงและส่งผลกับความมั่งคั่งของนักลงทุนนั่นเอง
ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง ระบุ ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นนั้นมาจากประเด็นสงครามการค้าโลกรุนแรง ทำให้มีแรงซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งความกังวลกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% เริ่มวันที่ 2 เมษายน 2568